Ads Top

อาจารย์นรีรัตน์ ชี้ วิกฤตตลาดหุ้น-ตลาดการเงิน 2020 คือความไม่ชัดเจน แนะเลี่ยงลงทุน พร้อมห่วงองค์กรที่มีหนี้สิน I CMMU CF



ล่าสุด ผศ.ดร.นรีรัตน์ เตชพิรุณทอง อาจารย์ประจำวิชาการเงินธุรกิจ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ CMMU อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้วิเคราะห์ถึงตลาดหุ้นในประเทศไทยที่เกิดการอาการผันผวนในปัจจุบัน พร้อมการลงทุนและแนะนำการรักษากระแสเงินสดในภาคองค์กรซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน หรือเป็นเหตุที่ไม่แน่นอนไม่ว่าจะเป็นบุคลากรตั้งแต่บุคคลทั่วไป ไปถึงระดับองค์กรก็ตามจะต้องมี Cash Flow หรือต้องมีเงินสดติดตัวไว้ เพื่อให้สามารถใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และต้องระมัดระวังในสิ่งที่ตนเองลงทุนในสถานการณ์ที่ทุกไม่มีคาดคิดหรือไม่มีความแน่นอน โดยเฉพาะตลาดการเงินต่างๆทั่วโลกเกิดการล้มเหลว และเกิด Black Monday ตลาดหุ้นตกอย่างมาก เนื่องจากแต่ละคนไม่ต้องการลงทุนแล้ว ต้องการขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงออกมา เพื่อที่จะนำเงินสดออกมาให้มากที่สุด ดังนั้นสินทรัพย์ต่างๆที่คิดว่าไม่ปลอดภัยรวมถึงตราสารหนี้แบบที่ผลตอบแทนน้อยความเสี่ยงต่ำก็ยังมีคนเท่ขายออกมาเป็นจำนวนมากเพราะว่าในเวลานี้ไม่ทราบว่าเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าประเทศไทยเป็นชาติเดียวที่พบปัญหา

ประชาชนทั่วโลกมองว่าใครจะเป็นคนรับผิดชอบหากเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น ทุกคนจะต้องมีเงินสดในมืออย่างน้อย 60-70% ของพอร์ตหุ้นทั้งหมด ที่เหลือเป็นหุ้นที่ยังคงอยู่ ซึ่งรองรับสถานการณ์ที่เลวร้ายเป็นสถานการณ์ที่ทุกคนไมคาดคิดว่าตลาดหลักทรัพย์จะปิดทำการหรือธนาคารอาจจะปิดทำการ ส่งผลกระทบไม่สามารถซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้เลย

สาเหตุดังกล่าวทำให้เราต้องมีเงินติดไว้ในมืออย่างน้อย 1-2 เดือนเป็นอย่างต่ำ ที่จะสามารถจับจ่ายใช้สอย เป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมตัวไว้ โดยการลงทุนในระดับต่อไปต้องมองในระดับหุ้นที่ให้ผลกำไรเป็นรายปีระยะ 1-2 ปี ในระยะนี้เราเองยังไม่ต้องรีบลงทุน โดยให้มองว่าระดับการแก้ไขของรัฐบาลมันมีผลกระทบกับการลงทุนหรือไม่ หากสามารถแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด19 (COVID-19) ได้อย่างอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างจะฟื้นเร็วขึ้น แต่หากรัฐบาลแก้ไขช้าทุกอย่างก็จะแก้ไขปัญหาต่างๆช้า ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศไทยจะเฉื่อยๆไปเรื่อยๆ

สำหรับกองทุนเองอาจารย์ขายออกหมดแล้วยกเว้นพวก LTF RMF ซึ่งมันไม่สามารถขายได้เนื่องจากติดสัญญาตามกฎหมาย ส่วนนี้ก็ต้องยอมรับสภาพให้ถือว่าเป็นการมองไปในเรื่องของอนาคต 5-7 ปี แต่ในขณะนี้ไม่มีความชัดเจน ข้อมูลไม่เพียงพอไม่ควรมีการตัดสินใจในการลงทุน


สำหรับตลาดทุนนั้นไม่มีลิมิต เซอร์กิตเบรกเกอร์เกิดขึ้นเพราะตลาดหลักทรัพย์ลงต่ำกว่าลิมิตที่เคยเป็นมาในแต่ละวันโดยเกิดขึ้นมา 3 ครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นของสหรัฐอเมริกาเองก็เกิดเซอร์กิตเบรกเกอร์เนื่องจากลงต่ำกว่า 10% ดังนั้นจึงต้องปิดการซื้อขาย เมื่อลงมากๆทุกคนวุ่นวายกับการรักษาตัวเอง ไม่มีใครสนใจเรื่องการลงทุน แม้กระทั้งโบรเกอร์เองจะต้องปิดทำการ การซื้อขายทั้งหมดก็ต้องหยุดชะงัก ดังนั้นเวลานี้ไม่ใช่เวลาของการลงทุน

หากต้องการลงทุนให้รอว่าทุกอย่างมีความชัดเจนเป็นที่เรียบร้อย ไม่ต้องรีบซื้อของถูกแต่กลัวว่าจะมีของที่ถูกว่านี้อีกเยอะ อาจจะลงเป็นระดับ SET 900 - 800 ซึ่งอาจารย์เองไม่แน่ใจในสถานการณ์ แต่ถ้ามองหุ้นที่มีปัจจัยที่มีความปลอดภัยสูงเช่น หุ้นโรงพยาบาล หุ้นที่มีความสามารถอยู่ได้ในสถานการณ์โควิด19 (COVID-19) เช่นหุ้นที่ขายสินค้าปัจจัย 4 ที่คนยังต้องใช้ยังต้องกิน อย่างอื่นที่ฟุ่มเฟือยไม่แนะนำให้ลงทุนตอนนี้ แต่มองไว้ว่าโอกาสคือช่วงวิกฤตที่มียาวนาน โดยเราต้องมั่นใจว่ารัฐบาลจัดการแล้วเกิดความมั่นใจหรือไม่ แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วแค่ไหน

สำหรับการบริหารการเงินในภาคขององค์กร เมื่อไม่มีสายป่านที่ยาวพอ หลายองค์กรก็จะแก้ไขปัญหาด้วยการปิดบริษัท หรือลดจำนวนพนักงาน สำหรับองค์กรที่มีกระแสเงินสดส่วนใหญ่ก็จะลดชั่วโมงการทำงานลงหรือลดเงินเดือนเพื่อที่สามารถเลี้ยงบริษัทให้อยู่รอด สำหรับบริษัททีมีหนี้รัฐบาลก็คงจะออกนโยบายดอกเบี้ยจะเป็นศูนย์หรือช่วยในอีกมุมหนึ่ง

สิ่งที่บริษัทและองค์กรต้องทำคือการประหยัดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด การดำเนินงานต่างๆในบริษัทอาจจะน้อยลงในลักษณ์ที่กระชับตัว ซึ่งไม่สามารถที่จะส่งออกหรือดำเนินธุรกิจในสภาวะปกติได้ ตัวบริษัทเองต้องวิเคราะห์ว่าจะอยู่ทนต่อสถานการณ์ดังกล่าวได้ยาวนานขนาดใด ยาวนานกี่เดือน แล้วจะมีกระแสเงินสดเลี้ยงบริษัทหรือไม่ หรือส่วนงานใดที่ต้องปิดไปเพื่อให้ไปอยู่กับอีกหน่วยงานหนึ่งก็จะต้องทำเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

ถ้ามองในแง่ดีเราจะต้องกลับมาปรับปรุงบริษัท โดยตัวเราเองจะต้องใช้วิกฤตนี้มาดูว่าตัวบริษัทนั้นมีข้อเสียหายอะไรหรือไม แล้วรีบมาปรับปรุงทุกอย่างให้เรียบร้อย เพิ่มความรู้ความสามารถอะไรหรือเปล่า ในขณะที่ประชาชนต้องอยู่บ้านมากขึ้น ให้มองว่าเป็นช่วงเวลาทีเก็บตัวที่ดี สิ่งใดที่ลดภาระกันและกันได้ต้องช่วยเหลือลูกค้า ไม่สามาถเปิดร้านขายของได้ ลงเงินไม่ทันต้องอะลุ่มอล่วย กันและกัน เพื่อรักษาฐานลูกค้าที่สำคัญให้ได้มากที่สุด

สิ่งที่อาจารย์ แนะนำคือ ให้ทุกคนเก็บเงินสดเอาไว้ แม้กระทั้งทองคำก็เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยแต่ในขณะที่เงินสดน่าจะดีที่สุดในเวลานี้ เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงว่าร้านทองปิด ประชาชนไม่ทราบว่าจะขายทองที่ใด หรือถ้าเป็นเงินเย็นทั้งโลกไม่นิยมเทรดกันเนื่องจากเขาไม่ลงทุนกันเนื่องจากไม่มีความเชื่อมั่นในสิ่งใดๆ เนื่องจากไม่ใช่สถานการณ์ปกติ

ดังนั้นจะต้องระมัดระวังต้องเนื่องจากเศรษฐกิจอาจไม่ปกติ เนื่องจากไม่อยู่ในทฤษฎีใดๆเลย อย่าลืมว่าเราเตรียมตัวที่ดีแล้วหรือยัง เช่น เราทำประกันไว้ไมเช่นประกันโควิด19 (COVID-19) หรือ ประกันสุขภาพ ต้องเตรียมตัวไว้นิดหนึ่ง

No comments:

Powered by Blogger.