เปิดกลยุทธ์ตลาดค้าปลีกไทยปี 2020 CP คว้า เทสโก้ โลตัส “ดีลนี้สุดคุ้มแค่ไหน?
ล่าสุดอาจารย์ ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร ได้อธิบายดีลแสนล้าน กรณี CP ซื้อกิจการเทสโก้ โลตัส “ดีลนี้สุดคุ้มแค่ไหน? ผ่านทาง สถานีโทรทัศน์ทีเอ็นเอ็น 24 กับรายการการตลาดเงินล้าน เมื่อวันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2563 ซึ่งมีรายละเอียดต่อไปนี้
สำหรับตลาดค้าปลีกเป็นอะไรที่สนุก และเป็นเกมธุรกิจที่ไม่ง่าย เวลาที่เราจะวิเคราะห์ตำแหน่งของการค้าปลีกแต่ละรายนั้นใหญ่ๆ จะต้องรู้ว่าแต่ละรายอยู่ที่ตำแหน่งไหนกันบาง ซึ่งในแผนภาพมีรายละเอียดต่อไปนี้
โดยตลาดการช็อปปิ้ง - ตลาดในเมืองไทย "คนไทยชอบตลาดส่วนใดมากที่สุด"
1. Superior Merchandise Services ให้บริการและสินค้าดีมีคุณภาพ โดยผู้ประกอบการเห็นคุณค่าเรื่องนี้คือ Foodland , Villa market, TOP marker , Home Fresh Mart
2. Low - Priced ราคาที่จับต้องได้ โดยผู้ประกอบการเห็นคุณค่าเรื่องนี้คือ BigC, โลตัส
3. Convenience store อำนวยความสะดวก โดยผู้ประกอบการเห็นคุณค่าเรื่องนี้คือ 7 eleven, FamilyMart, Lawson
ซึ่งโจทย์แต่ละผู้ประกอบการ ต้องการวางตำแหน่งของตนเองอยู่ตรงจุดใด เช่น สินค้าภายในร้าน, ความสะดวก, สินค้าราคาไม่แพง หรือต้องการนำเสนออะไร โดยหัวข้อที่สำคัญมากที่สุดคือ คือ กลุ่มความสะดวก ซึ่งตัวเลขทางการตลาดอยู่ที่ 335 พันล้านบาท หรือ 3 แสนล้านบาทต่อปี มักบริการกลุ่มสินค้าของกินของใช้ที่มีสัดส่วนใหญ่ที่สุด
สิ่งที่น่าสนใจคือ หากเรานำมูลค่าตัวเลขทางการตลาดของ BigC และโลตัส มารวมกัน จะทำให้มูลค่าสูงถึง 324 พันล้านบาท ( มูลค่าทางการตลาดของ BigC อยู่ที่ 198 พันล้านบาท และ มูลค่าทางการตลาดของ โลตัส อยู่ที่ 126 พันล้านบาท ) และ Makro จัดว่าเป็นกลุ่มกลางๆระหว่าง Superior Merchandise Services ที่เจาะกลุ่มร้านอาคารหรือโชว์ห่วยและสินค้าราคาไม่แพง Low - Priced
จะเห็นได้ว่าน้ำหนักของกลุ่ม Superior Merchandise Services จะอยู่ในตัวเลข 40,000 - 50,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ กลุ่ม Low - Priced มูลค่าทางการตลาดจะอยู่ที่ 200,000 ล้านบาท โดยที่จุดนี้จะเป็นกุญแจที่สำคัญ
- อย่างยักษ์ใหญ่กลุ่ม 7 eleven และ Makro เป็นกลุ่มเดี่ยวกัน อยู่ในตำแหน่ง Convenience store และ Low - Priced
- ส่วนอีกกรณีคือ BigC ของกลุ่มสิริวัฒนภักดี อยู่ในตำแหน่ง Low - Priced - กลุ่ม TOP marker กลุ่มเซ็นทรัล อยู่ในตำแหน่ง Superior Merchandise Services สรุปเป้าหมายของดีลการซื้อในครั้งนี้ สำหรับกลุ่มเป้าหมายของกลุ่มเซ็นทรัล จับตลาดลูกค้าที่ซื้อสินค้า Premium หากสามารถกินส่วนแบ่งกลุ่มธุรกิจ Low - Priced ได้อีกจะถือว่าเป็นการติดปีกทันที เพราะ เซ็นทรัลมีประสบการณ์ความสำเร็จอย่างมากกับกลุ่มสินค้า Premium เช่น TOP Market และเซ็นทรัลมีประสอบการณ์ส่งสินค้าไปต่างประเทศอยู่แล้ว นอกจากนี้มีประสบการณ์การดำเนินกิจการห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศ
แต่สิ่งที่เซ็นทรัลเลิกธุรกิจไปเช่น "TOP SUPER" และ "TOP SUPER คุ้ม" เนื่องจากไม่สามารถสู้ Hipermarket ได้จริงๆ ดังนั้น ถ้ากลุ่มเซ็นทรัลได้กลุ่ม Low - Priced ไป ถือว่าเป็นเสือติดปีกอย่างแน่นอน แต่หากวิเคราะห์แล้วกลุ่ม"เซ็นทรัล"ก็อยากได้กลุ่มนี้เช่นกัน
สำหรับกลุ่มคือ BigC หากกลุ่มได้ตำแหน่ง Low - Priced ไปกลุ่มนี้จะน่ากลัวมาก เพราะถ้ารวมตลาดค้าปลีกทั้งหมด BigCก็จะเป็นผู้ครองตลาดได้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความชัดมากโดยเฉพาะกลุ่มเซ็ตเมนต์เดี่ยวกัน และอาจจะมีปัญหาเรื่องการจัดการ เนื่องจากที่ผ่านมาเมื่อ BigC ไปซื้อกิจการ Carrefour เมื่อรวมๆสาขากันแล้วค่อนข้างไม่มีปัญหา แต่หาก BigC ยุบกับโลตัสได้แล้ว การบริหารสาขาจะค่อนข้างลำบากเนื่องจากสาขามีความ ซับซ้อนกัน
โดยสิ่งที่ BigC กับ CP เสนอราคาเพื่อซื้อโลตัสราคาต่างกันเพียงนิดเดียวเท่านั้น เนื่องจากเป็นการมองเรื่องของการตีมูลค่าโดยทั้งคู่อยากได้กิจการโลตัสทั้งคู่ หากใครเข้ามาตรงนี้ได้ก็เท่ากับว่าไม่มีใครเข้ามาในพื้นที่นี้ได้อีกต่อไป
ส่วนเรื่องกรณีข้อกฏหมายนั้นเป็นอีกกรณีหนึ่ง
กลุ่มสุดท้าย กลุ่ม CP เป็นผู้ชนะดีลนี้ จะได้จุดแข็ง 2 ตำแหน่งคือ Convenience store หรือด้านความสะดวกถือเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว บริษัทอื่นๆที่เหลือยังคงห่างชั้นมาก เพราะเขาพัฒนามายาวนานมาก ซึ่ง FamilyMart, Lawson ไม่สามารถสู้ได้ พอมาในกลุ่มร้านอาหารและค้าส่ง CP ก็เป็นเบอร์หนึ่งที่คนอื่นยังห่างชั้นอีกมาก
กรณี BigC จัมโบ้ หรือ BigC Extra สิ่งเหล่านี้ ทุกคนพยายามทำโมเดลใกลเคียงขึ้นมาแต่ไม่ง่าย เนื่องจาก Makro ทำได้ดีมาก หากว่า CP ปล่อยให้กลุ่มสิริวัฒนภักดีซื้อโลตัสได้ไปนั้น มูลค่าทางการตลาด 200,000 ล้านบาทจะตกไปอยู่ในมือของกลุ่มสิริวัฒนภักดี
เมื่อรวมกันทั้ง Tesco มูลค่าทางการตลาด 198 ล้านบาท , Makro มูลค่าทางการตลาด 186 ล้านบาท และ 7 eleven มูลค่าทางการตลาดหลายแสนล้านบาท หากปล่อยให้ BigC ได้ไปเหนื่อยอย่างแน่นอน
สุดท้ายแล้ว CP จำเป็นที่ต้องซื้อ Tescoเพราะสามารถยื่นหนึ่งได้หลายจุดของตลาดค้าปลีก และทำให้ BigC ไม่สามารถขยายตลาดในจุดนี้ได้
CP ได้อะไรจากการซื้อ
1. ได้ Supply Chain ที่สำคัญมาก มีธุรกิจที่เป็นต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายที่ง่ายและมีปริมาณมหาศาลนั้น จะทำให้เกิดระบบ Supply Chain ที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิม
2. CP ยืนหนึ่งของธุรกิจได้เพราะCP มีบริษัทลูกอยู่หลายเซตเมนต์
3. มูลค่าสินทรัพย์ เช่น ที่ดิน ที่ได้มาอยู่ในระดับมูลค่ามหาศาล ซึ่งแต่ละที่ได้ที่ดินแปลงสวยๆ
4. เหตุผลทางจิตใจ เนื่องจากธุรกิจนี้ทาง CP ถือมองว่าเป็นบริษัทลูก แล้วคนไทยสามารถซื้อกลับเป็นเจ้าของกิจการนี้กลับมาได้อีกครั้ง อย่างน้อย 3 รายนี้ใครได้ไปก็ดีทั้งนั้น เพราะเป็นคนไทยเป็นเจ้าของ
ซึ่งเชื่อว่าต่อไปกลุ่มไทยเบฟและกลุ่ม CP ก็เป็นการแข่งขันระหว่างเศรษฐีที่ทรงพลังทั้งคู่อยู่ดีครับ ซึ่งคนไทยได้ประโยชน์อย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.facebook.com/TNNthailand/videos/541234963182754/
No comments: