Ads Top

5 แนวโน้ม Wellness Trend 2020 กับการเติบโตแอพ Calmn Meditation มูลค่า 1000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตอนที่ 2 I CMMU Mahidol



เมื่อโลกยังไม่สามารถหยุดยั้งโรคระบาดโดวิด19 ได้ ผู้คนต่างดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น การทราบแนวโน้ม Wellness Trend 2020 จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาธุรกิจให้เป็นไปตามแนวโน้มของโลก กับผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปรารถนา ปุณณกิติเกษม ประธานหลักสูตรการจัดการธุรกิจสุขภาพแบบองค์รวม หรือ HEALTHCARE AND WELLNESS MANAGEMENT (HWM) วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล เทรนด์ของ HEALTHCARE AND WELLNESS ในอนาคตอันใกล้ จากผลของ Global wellness summit trends reportthe future of wellness 2020 3 เทรนด์และเทรนด์อื่นๆอีก 2 เทรนด์ เป็นทั้งหมด 5 เทรนด์ใหญ่คือ


 เทรนด์ที่ 3 สุขภาพจิต 
(Mental wellness) รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในเรื่องสุขภาพจิต

            ปัจจุบันสุขภาพจิตเป็นสิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสุขภาพกาย ในยุคนี้ การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ การแข่งขันที่สูง มีการเปรียบเทียบหลายคนอาจมีความเครียด ความเหงา ความวิตกกังวล เป็นโรคซึมเศร้า หรือ
burnout จากการทำงานกันมากขึ้น ทำให้เกิดโอกาสในการใช้เทคโนโลยี เช่น Chatbots, Apps, And Digital Supporting Group กับการรักษาแบบดั้งเดิมก่อให้เกิดการดูแลแบบองค์รวมเพื่อสุขภาวะทางใจ
                หลายคนมีอุปสรรค คือ เวลา ต้นทุน และการเข้าถึง เช่น พอเรานัดหมออาจจะต้องรอนานทั้งๆ ที่มีกำลังในการจ่ายค่าหาหมอหรืออาจไม่อยากขับรถไปหาหมอเพราะอายคนอื่น ดังนั้น นักวิจัยในซิลิกอน วัลเล่ย์ พัฒนา Digital Solution ขึ้นมา 
                ปัจจุบันมีมากกว่า 10,000 แอปพลิเคชันที่เน้นในเรื่องของ Mental Health ยกตัวอย่าง Mindfulness Meditation app เช่น แอพพลิเคชั่นที่ชื่อ Calm Meditation มีมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งจะเน้นในเรื่องของการนั่งสมาธิ แอพพลิเคชั่นที่ช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการบำบัด เช่น แอพ Talkspace, betterhealth, amwell เปิดโอกาสให้เราสามารถโทร ส่งข้อความ และวีดีโอคอนเฟอเร้นกับ Counselor มืออาชีพตามตารางเวลาที่ต้องการได้ ในสถานที่ที่เราสะดวก หรือจะมีเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Rethink My Therapy เป็นจะสามารถคุยกับนักจิตวิทยาได้กี่ครั้งก็ได้ (Unlimited Therapy) ในราคา 60 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐต่อเดือน ที่ง่ายและสะดวกเหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย เจนเนอเรชั่น Y ที่ต้องการความสะดวก
หลายท่านได้ใช้เทคโนโลยี Mental health wearable device ซึ่งสามารถสวมใส่และตรวจเช็คในอุปกรณ์ต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ


เทรนด์ที่
4 คือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ในทั้งดูแลสุขภาพ ใช้เพื่อใช้วินิจฉัย รักษา และกระบวนการการรักษา (Telehealth, virtual health, AI)
อย่างเราเห็นมากที่สุดคือการใช้ Telehealth, virtual health ให้บริการกับผู้ป่วยมาพบแพทย์ผ่านทางระบบออนไลน์ เราสามารถนัดคุณหมอได้ทันที ลดเวลาการรอคอย  สามารถลดความแออัดในโรงพยาบาล
                การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (
Artificial intelligence, AI) ในการวินิจฉัย เช่นที่
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นำ AI Watson ของ IBM เพื่อวินิจฉัยโรคการวางแผนรักษามะเร็ง
การใช้หุ่นยนต์ (Robot) ช่วยในการผ่าตัด ทำให้เกิดความแม่นยำมากขึ้น มีการใช้หุ่นยนต์ในการ Monitor คนไข้ ส่งข้าวส่งยาให้กับผู้ป่วย ลดการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างคนไข้กับบุคลากรทางการแพทย์ สิ่งที่สำคัญมากที่สุดมองยาวๆ คือเมื่อมีการใช้เทคโนโลยี มากขึ้น ไม่ได้แปลว่าจะให้เพียงแค่หุ่นยนต์ดูแลผู้ป่วยและการดูแลจากบุคลากรจะลดลงไป สิ่งที่ต้องควบคู่กันไปคือ humanization  นั่นคือการทำให้ผู้ป่วยรู้สึกได้ถึง Personal Touch ที่บุคลากรทางการแพทย์ใส่ใจ เข้าใจผู้ป่วย รักษาผู้ป่วย ไม่ใช่รักษาแต่โรค
                ในส่วน Wellness ที่เน้นด้านการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ การใช้ Technology  เป็นช่องทางใหม่ในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเดิมและลูกค้ากลุ่มใหม่ๆได้ เช่น สามารถเรียนคลาสออกกำลังกายจากฟิตเนสสตูดิโอที่นิวยอร์คได้
        อีกเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศคือ Smart Home Gym เช่น Tonal มีอุปกรณ์ติดตั้งที่บ้าน สามารถพร้อมปรับระดับ เลือกคลาส และโค้ชได้ตามความชอบและระดับความแข็งแรงของร่างกาย





เทรนด์ที่ 5 ท้ายสุดคือการท่องเที่ยวเชิงเวลเนส (Wellness tourisms)
การท่องเที่ยวเชิงเวลเนส หรือ การท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมสุขภาพตลอดจน Medical Tourism หรือการท่องเที่ยวโดยมีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ เช่นมาเพื่อวินิจฉัย รักษาโรค
เรื่อง wellness tourism เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมและมีแนวโน้มที่จะเติบโตมา ในช่วงก่อนโควิด แต่ถูกชะลอตัวลงด้วยสถานการณ์โควิด ทั้งนี้ในระยะยาวก็เป็นแนวโน้มที่น่าสนใจ ในส่วนการท่องเที่ยวจะเกิดการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศก่อน และจะค่อยตามมาด้วย wellness and wellness tourism จากชาวต่างชาติ

สรุปวันนี้ขอฝากเทรนด์ของ HEALTHCARE AND WELLNESS  ไว้ 5 เทรนด์ ได้แก่
                1. Shift From Sleep To True Circadian Health
                2.
Aging trend
                3. Mental health
                4. Technology (Telehealth, Virtual health, AI, Robotics)
                5. Medical and wellness tourism


No comments:

Powered by Blogger.