ไขข้อข้องใจ!! เรียน ป.โท Health Care Management เจาะลึกอุตสหกรรมคนรักสุขภาพและองค์กรแพทย์ I CMMU Mahidol
CMMU life ไขข้อข้องใจกับการเรียนสาขา Health Care Management วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล คุณรพีพัฒน์ กิตติพรนนท์ ซึ่งทำงานและเรียนปริญญาโทพร้อม ๆ กัน ปัจจุบันทำงานเป็น Product Specialist ที่ Johnson & Johnson ได้ดูเรื่องของอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์การผ่าตัดต่าง ๆ วิชาไหนโดนใจ ทำไมเรียนที่ CMMU และกระบวนการคิดรูปแบบใหม่ ซึ่งทางเราถอดเทปสัมภาษณ์มีรายละเอียดต่อไปนี้
- การเตรียมตัวสอบเข้า CMMU
เริ่มต้นจากการที่ตัวผมนั้นหาข้อมูลก่อน การที่จะเข้ามาสอบที่ CMMU เตรียมพร้อมอะไรบ้าง ซึ่งได้คำตอบก็คือข้อที่
เริ่มต้นสอบ TOEFL ITP แล้วก็มี CMMU-TAP ผมเองไปซื้อหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ตามที่วิทยาลัยกำหนด TOEFL ITP ต้องมีคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 520 คะแนน ถึงจะสอบผ่าน
ส่วนตัวก็การเตรียมตัวสอบในขณะที่ต้องทำงานไปพร้อม ๆ กัน ในเวลาเพียง 2-3 สัปดาห์ จึงเข้าใจเพื่อน ๆ หลายท่าน สิ่งที่คิดเอาไว้คือการทำเพื่อเปิดโอกาสให้กับตัวเองได้พบกับประสบการณ์ใหม่ ๆและต้องการหาความรู้เพิ่มเติม
สิ่งที่ย้อนเวลากลับไปได้ในการเตรียมตัวสอบภาษาอังกฤษนั่น คือ Grammar เพราะเนื่องจาก Grammar จะต้องใช้การเข้าใจและใช้ระยะเวลาในการซึมซับนานพอสมควร พอเข้าไปสอบจริง ๆข้อสอบภาษาอังกฤษจะมีส่วนที่ให้เช็คเกี่ยวกับ Tense Grammar ซึ่งถ้าเราไม่เข้าใจตามหลักไวยากรณ์ของภาษา บางครั้งโจทย์ทำตัวเลือกหลอกเอาไว้ ก็จะโดนเขาหลอกได้อย่างง่ายๆ ส่วนตัวผิดเยอะมาก
ข้อสอบการฟัง โดยส่วนตัวข้าง ๆ โชคดีเนื่องจากตัวเองได้ทำงานอยู่ที่ Johnson & Johnson เป็นบริษัทที่เป็น Global และต้องติดต่อกับชาวต่างชาติตลอด ทำให้เราได้ยินและได้ฟัง ชาวต่างชาติตลอดเวลา ทั้งการประชุมและการสนทนา ตลอดทั้งเวลาการทำงาน
- ส่วนกรณีการสัมภาษณ์
สิ่งนี้เป็นส่วนที่สำคัญเช่นเดียวกัน ซึ่งก่อนอื่นผมต้องย้อนกลับไปก่อนว่าสิ่งที่เรามาสมัครที่เรียน ป.โท CMMU เราต้องการอะไรจากมหาวิทยาลัย เราชอบอะไร และเราอยากได้อะไรจากที่ CMMU ส่วนตัวนั้นสนใจในเรื่องของ Health Care Management มาก ๆ อยากได้ความรู้จากส่วนนี้เพิ่มเติมเนื่องจากตัวเองทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง
แล้วอย่าลืมเข้าร่วมงาน Open House เมื่อเข้าไปได้พูดคุยกับอาจารย์ ได้ฟังการแชร์ประสบการณ์ในการเรียน ทำให้ตัวผมเองมั่นใจมากขึ้น
เมื่อผมผ่านเข้ามาสู่รอบสัมภาษณ์ผมก็ได้นำสิ่งต่าง ๆ ขอความรู้สึกที่ว่าทำไมถึงอยากเรียนที่นี่ และเราอยากได้อะไรจากที่นี่ และเราคาดหวังอะไรกับที่นี่ เราก็บอกกับทางอาจารย์ไปตรง ๆ สิ่งที่ทำให้ผมคิดว่า สัมภาษณ์ผ่านได้ นั่นก็คือ ผมตอบไปด้วยการใช้ความรู้สึกมากกว่าความคิด เราเลือกที่นี่เพราะเราชอบที่นี่เพราะอะไร
ผมเองมองว่าการสอบสัมภาษณ์ สามารถตอบได้หลากหลาย ซึ่งมีวิธีการมากมายที่ทำให้ผู้สอบสัมภาษณ์เองทำให้กรรมการประทับใจ สิ่งที่แสดงออกทางสายตา และคำพูด เป็นตัวบอกมากกว่า ว่าเราจะสอบผ่านหรือไม่ผ่าน
- การทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย
สำหรับผมการใช้ชีวิตทั้งการทำงานและการเรียน เป็นเรื่องที่ยากและท้าทายอย่างมาก ในช่วงแรก ส่วนตัว Manage เวลาไม่ค่อยดี เพราะผมเองตัดสินใจเลือกเรียนอาทิตย์ละ 3 วิชา ซึ่งไม่สามารถเลือกได้แบบฟิต 100% อย่างเทอมก่อนนั้นผมเรียน วันจันทร์ พุธ เสาร์ ที่สำคัญแต่ละวิชามีการบ้าน สิ่งที่เราต้องใส่ใจและเราต้องแบ่งเวลาให้กับวิชาเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญ หากเราใช้ชีวิตแบบเดิมซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่เราได้เที่ยว เวลาการเที่ยวเหล่านั้นก็จะลดลง
ผมเองต้องแบ่งเวลามาทำการบ้าน มาทบทวนบทเรียน มารีวิวเนื้อหาที่เราได้เรียนไป สำหรับผมมองว่าเวลา เพียง 2 ปีครึ่ง เราลดช่วงเวลาของการเที่ยวให้ลดลง แล้วมองหาความรู้เพิ่มเติมผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมเลือกอยู่นั้นมันคุ้ม
เมื่อเราปรับตัวได้แล้ว เมื่อเราทำงานเสร็จแล้วเรากลับมานั่งอ่านหนังสือ อย่างน้อย 1 ชั่วโมงแล้วหลังจากนั้นก็มาทำการบ้าน หากมีงานกลุ่ม เราก็จะนัดกับเพื่อน ๆ ออกมาพบเจอกันมาคุยกันมาทำงานกลุ่มกัน ซึ่งผมมองว่ามันดีด้วยซ้ำ ที่เรามีการบ้านเยอะ ๆ และมีงานต่าง ๆ จากทางมหาวิทยาลัยมามันทำให้เรานั้นมี Connection กับเพื่อน ๆ ที่อยู่คลาสเดียวกัน หลังจากที่ผมปรับตัวไปได้สักพักนึงผมมีความรู้สึกว่าผมแฮปปี้ขึ้นเยอะ
- วิชาที่โดนในใจมากที่สุด
ถ้าวิชาที่ผมชอบมากที่สุดเป็นวิชาเอกของตัวเองเลยครับ นั่นคือ วิชาของอาจารย์ทราย ซึ่งเป็นเรื่องของ HEALTHCARE AND WELLNESS MANAGEMENT (HWM) ซึ่งเป็นวิชาตรง ๆ เลย เราอยากเห็นองค์ประกอบทั้งอุตสาหกรรม อยากเห็นเทรนด์ของตลาด เราอยากเห็นการออแกไนซ์ขององค์กรแพทย์ต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศอย่าง เช่น วิชาที่น่าสนใจ
คือ Emerging Healthcare and Wellness Business Management เป็นวิชาที่ตรงกับสิ่งที่เราอยากรู้ และเป็นเรื่องที่เราสามารถ คิดและนำไปพัฒนาในสิ่งต่าง ๆ ทำให้เกิดมุมมองใหม่ ๆ ศึกษาในเรื่องที่เราคาดคิดไม่ถึง
สิ่งที่สำคัญมากที่สุดของการมาเรียนที่ CMMU นั้นคือทำให้เราสามารถคิดวิเคราะห์เป็นขั้นเป็นตอน ถึงจะได้ผลลัพธ์ออกมาตามที่เราต้องการ
ส่วนวิชาที่ หินที่สุดสำหรับผม ผมมองว่าเป็นวิชา Marketing เนื่องจากส่วนตัวของผม เป็นคนที่ไม่ใช่เป็นสาย Marketing ไม่ได้มองในสิ่งที่ฉีกออกนอกกรอบหรือมองสุดโต่งแต่อย่างน้อยเราสามารถนำทฤษฎีเหล่านี้และนำมาพลิกแพลง เราต้องใช้เวลากับมันอีกนิดนึงเพื่อให้เราเข้าใจ และทำให้เราสามารถนำมาปรับใช้ได้เหมาะสมกับเรา ดังนั้นวิชา Marketing เป็นวิชาที่ยาก หากเป็นไปได้ผมก็อยากจะหาโอกาสและหาความรู้เพิ่มเติม ในส่วนที่เราไม่เข้าใจ
สำหรับในช่วงเวลา โรคระบาดโควิด 19 วิชาที่สามารถปรับใช้ได้ทันทีนั่นคือ Economy ต้องเป็นวิชาที่อาจารย์วินัยสอน อย่างแรกเป็นเรื่องของสภาพจิตใจ ทำให้เรานั้นเข้าใจ ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว มีเหตุการณ์อะไรที่เข้ามากระทบ ซึ่งเป็นเรื่องของเศรษฐศาสตร์ ทำให้สามารถมองเห็นในสิ่งที่รัฐบาลหรือองค์กรต่าง ๆ พยายามทำ
เริ่มต้นจากการที่ตัวผมนั้นหาข้อมูลก่อน การที่จะเข้ามาสอบที่ CMMU เตรียมพร้อมอะไรบ้าง ซึ่งได้คำตอบก็คือข้อที่
เริ่มต้นสอบ TOEFL ITP แล้วก็มี CMMU-TAP ผมเองไปซื้อหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ตามที่วิทยาลัยกำหนด TOEFL ITP ต้องมีคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 520 คะแนน ถึงจะสอบผ่าน
ส่วนตัวก็การเตรียมตัวสอบในขณะที่ต้องทำงานไปพร้อม ๆ กัน ในเวลาเพียง 2-3 สัปดาห์ จึงเข้าใจเพื่อน ๆ หลายท่าน สิ่งที่คิดเอาไว้คือการทำเพื่อเปิดโอกาสให้กับตัวเองได้พบกับประสบการณ์ใหม่ ๆและต้องการหาความรู้เพิ่มเติม
สิ่งที่ย้อนเวลากลับไปได้ในการเตรียมตัวสอบภาษาอังกฤษนั่น คือ Grammar เพราะเนื่องจาก Grammar จะต้องใช้การเข้าใจและใช้ระยะเวลาในการซึมซับนานพอสมควร พอเข้าไปสอบจริง ๆข้อสอบภาษาอังกฤษจะมีส่วนที่ให้เช็คเกี่ยวกับ Tense Grammar ซึ่งถ้าเราไม่เข้าใจตามหลักไวยากรณ์ของภาษา บางครั้งโจทย์ทำตัวเลือกหลอกเอาไว้ ก็จะโดนเขาหลอกได้อย่างง่ายๆ ส่วนตัวผิดเยอะมาก
ข้อสอบการฟัง โดยส่วนตัวข้าง ๆ โชคดีเนื่องจากตัวเองได้ทำงานอยู่ที่ Johnson & Johnson เป็นบริษัทที่เป็น Global และต้องติดต่อกับชาวต่างชาติตลอด ทำให้เราได้ยินและได้ฟัง ชาวต่างชาติตลอดเวลา ทั้งการประชุมและการสนทนา ตลอดทั้งเวลาการทำงาน
- ส่วนกรณีการสัมภาษณ์
สิ่งนี้เป็นส่วนที่สำคัญเช่นเดียวกัน ซึ่งก่อนอื่นผมต้องย้อนกลับไปก่อนว่าสิ่งที่เรามาสมัครที่เรียน ป.โท CMMU เราต้องการอะไรจากมหาวิทยาลัย เราชอบอะไร และเราอยากได้อะไรจากที่ CMMU ส่วนตัวนั้นสนใจในเรื่องของ Health Care Management มาก ๆ อยากได้ความรู้จากส่วนนี้เพิ่มเติมเนื่องจากตัวเองทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง
แล้วอย่าลืมเข้าร่วมงาน Open House เมื่อเข้าไปได้พูดคุยกับอาจารย์ ได้ฟังการแชร์ประสบการณ์ในการเรียน ทำให้ตัวผมเองมั่นใจมากขึ้น
เมื่อผมผ่านเข้ามาสู่รอบสัมภาษณ์ผมก็ได้นำสิ่งต่าง ๆ ขอความรู้สึกที่ว่าทำไมถึงอยากเรียนที่นี่ และเราอยากได้อะไรจากที่นี่ และเราคาดหวังอะไรกับที่นี่ เราก็บอกกับทางอาจารย์ไปตรง ๆ สิ่งที่ทำให้ผมคิดว่า สัมภาษณ์ผ่านได้ นั่นก็คือ ผมตอบไปด้วยการใช้ความรู้สึกมากกว่าความคิด เราเลือกที่นี่เพราะเราชอบที่นี่เพราะอะไร
ผมเองมองว่าการสอบสัมภาษณ์ สามารถตอบได้หลากหลาย ซึ่งมีวิธีการมากมายที่ทำให้ผู้สอบสัมภาษณ์เองทำให้กรรมการประทับใจ สิ่งที่แสดงออกทางสายตา และคำพูด เป็นตัวบอกมากกว่า ว่าเราจะสอบผ่านหรือไม่ผ่าน
- การทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย
สำหรับผมการใช้ชีวิตทั้งการทำงานและการเรียน เป็นเรื่องที่ยากและท้าทายอย่างมาก ในช่วงแรก ส่วนตัว Manage เวลาไม่ค่อยดี เพราะผมเองตัดสินใจเลือกเรียนอาทิตย์ละ 3 วิชา ซึ่งไม่สามารถเลือกได้แบบฟิต 100% อย่างเทอมก่อนนั้นผมเรียน วันจันทร์ พุธ เสาร์ ที่สำคัญแต่ละวิชามีการบ้าน สิ่งที่เราต้องใส่ใจและเราต้องแบ่งเวลาให้กับวิชาเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญ หากเราใช้ชีวิตแบบเดิมซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่เราได้เที่ยว เวลาการเที่ยวเหล่านั้นก็จะลดลง
ผมเองต้องแบ่งเวลามาทำการบ้าน มาทบทวนบทเรียน มารีวิวเนื้อหาที่เราได้เรียนไป สำหรับผมมองว่าเวลา เพียง 2 ปีครึ่ง เราลดช่วงเวลาของการเที่ยวให้ลดลง แล้วมองหาความรู้เพิ่มเติมผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมเลือกอยู่นั้นมันคุ้ม
เมื่อเราปรับตัวได้แล้ว เมื่อเราทำงานเสร็จแล้วเรากลับมานั่งอ่านหนังสือ อย่างน้อย 1 ชั่วโมงแล้วหลังจากนั้นก็มาทำการบ้าน หากมีงานกลุ่ม เราก็จะนัดกับเพื่อน ๆ ออกมาพบเจอกันมาคุยกันมาทำงานกลุ่มกัน ซึ่งผมมองว่ามันดีด้วยซ้ำ ที่เรามีการบ้านเยอะ ๆ และมีงานต่าง ๆ จากทางมหาวิทยาลัยมามันทำให้เรานั้นมี Connection กับเพื่อน ๆ ที่อยู่คลาสเดียวกัน หลังจากที่ผมปรับตัวไปได้สักพักนึงผมมีความรู้สึกว่าผมแฮปปี้ขึ้นเยอะ
- วิชาที่โดนในใจมากที่สุด
ถ้าวิชาที่ผมชอบมากที่สุดเป็นวิชาเอกของตัวเองเลยครับ นั่นคือ วิชาของอาจารย์ทราย ซึ่งเป็นเรื่องของ HEALTHCARE AND WELLNESS MANAGEMENT (HWM) ซึ่งเป็นวิชาตรง ๆ เลย เราอยากเห็นองค์ประกอบทั้งอุตสาหกรรม อยากเห็นเทรนด์ของตลาด เราอยากเห็นการออแกไนซ์ขององค์กรแพทย์ต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศอย่าง เช่น วิชาที่น่าสนใจ
คือ Emerging Healthcare and Wellness Business Management เป็นวิชาที่ตรงกับสิ่งที่เราอยากรู้ และเป็นเรื่องที่เราสามารถ คิดและนำไปพัฒนาในสิ่งต่าง ๆ ทำให้เกิดมุมมองใหม่ ๆ ศึกษาในเรื่องที่เราคาดคิดไม่ถึง
สิ่งที่สำคัญมากที่สุดของการมาเรียนที่ CMMU นั้นคือทำให้เราสามารถคิดวิเคราะห์เป็นขั้นเป็นตอน ถึงจะได้ผลลัพธ์ออกมาตามที่เราต้องการ
ส่วนวิชาที่ หินที่สุดสำหรับผม ผมมองว่าเป็นวิชา Marketing เนื่องจากส่วนตัวของผม เป็นคนที่ไม่ใช่เป็นสาย Marketing ไม่ได้มองในสิ่งที่ฉีกออกนอกกรอบหรือมองสุดโต่งแต่อย่างน้อยเราสามารถนำทฤษฎีเหล่านี้และนำมาพลิกแพลง เราต้องใช้เวลากับมันอีกนิดนึงเพื่อให้เราเข้าใจ และทำให้เราสามารถนำมาปรับใช้ได้เหมาะสมกับเรา ดังนั้นวิชา Marketing เป็นวิชาที่ยาก หากเป็นไปได้ผมก็อยากจะหาโอกาสและหาความรู้เพิ่มเติม ในส่วนที่เราไม่เข้าใจ
สำหรับในช่วงเวลา โรคระบาดโควิด 19 วิชาที่สามารถปรับใช้ได้ทันทีนั่นคือ Economy ต้องเป็นวิชาที่อาจารย์วินัยสอน อย่างแรกเป็นเรื่องของสภาพจิตใจ ทำให้เรานั้นเข้าใจ ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว มีเหตุการณ์อะไรที่เข้ามากระทบ ซึ่งเป็นเรื่องของเศรษฐศาสตร์ ทำให้สามารถมองเห็นในสิ่งที่รัฐบาลหรือองค์กรต่าง ๆ พยายามทำ
No comments: